สรุปการขอเข้ารับคำปรึกษา ที่คลินิกให้ปรึกษาด้านการค้าการลงทุนในกัมพูชา ครั้งที่ 3
DATE : 14/1/2015 TIME : 19:49
สรุปการขอเข้ารับคำปรึกษา ที่คลินิกให้ปรึกษาด้านการค้าการลงทุนในกัมพูชา
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ณ สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย
ประเด็นคำถามหลัก
- การขยายตลาดการผลิตขวดบรรจุภัณฑ์ไปยังกัมพูชา มีความเป็นไปได้หรือไม่ และสภาพตลาดการทำธุรกิจดังกล่าวเป็นอย่างไร
- ตลาดการแข่งขันของธุรกิจรังนกในกัมพูชา เป็นอย่างไร
บทสรุป
- การเข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา ต้องคำนึงถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมทางการลงทุน ดังนี้
- สภาพตลาดในธุรกิจประเภทนั้น อาทิเช่น ความนิยมของผู้บริโภค สภาพการแข่งขัน
- ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น ค่าสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอต่อการใช้ของประชาชนภายในประเทศ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าของกัมพูชามีราคาสูง
- สถานที่ในการทำตลาดหรือการตั้งโรงงานผลิต ราคาค่าเช่าสถานที่ค่อนข้างมีราคาแพง นักธุรกิจไทยควรจะเข้าไปลงทุนในที่พื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ ทั้งนี้ ที่ดินหลวงส่วนใหญ่จะเป็นที่ของเอกชน ส่วนพื้นที่ที่เหลือที่ไม่มีการจัดสรร จะเป็นพื้นที่ป่าไม้
- แรงงาน ทักษะคุณภาพแรงงานของกัมพูชา ยังไม่มีฝืมือในการผลิตเท่าใดนัก เนื่องจากยังขาดองค์ความรู้เทคนิคการผลิตสินค้า และการต่อยอดเพิ่มมูลค่าสินค้า เพราะฉะนั้นนักธุรกิจควรคำนึงถึงคุณภาพแรงงานในประเภทธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนด้วย
- โอกาสจากพื้นที่ชายแดนของกัมพูชาที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเดินทางไปศึกษาตลาดและเส้นทางไปยังเวียดนามใต้ และจีน เพื่อวางแผนการขยายตลาดไปยังประเทศที่สาม ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากรัฐบาลกัมพูชา
- การทำธุรกิจน้ำดื่มในกัมพูชา ควรจะลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป และเน้นการออกแบบแพ็ค
บรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม โดยปัจจุบันมีบริษัทที่ผลิตน้ำดื่มอยู่ประมาณ 4 บริษัท ซึ่งประเทศจีนได้ใช้ packaging แบบ recycle เพื่อประหยัดต้นทุนการผลิต
- สินค้าทั่วไปในตลาดกัมพูชายังไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร โดยผู้บริโภคกัมพูชายังมีความต้องการ
และนิยมซื้อสินค้าที่ผลิตจากไทย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค ผลไม้แปรรูป เครื่องสำอาง และสินค้าOTOP เนื่องจากว่าผู้ผลิตกัมพูชายังไม่มีความรู้ในการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขาดทักษะทางเทคนิคในการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า
- ปัจจุบัน กัมพูชามีประชากรทั้งหมดประมาณ 15 ล้านคน ซึ่งประชากรประมาณ 5 ล้านคน อาศัย
อยู่ในกรุงพนมเปญ และเขตปริมณฑล เช่น จังหวัดกัมปงสะปรือ และกัมปงชะนำ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ และน่าเข้าไปลงทุนเป็นพื้นที่แรกเริ่ม
- ตลาดรังนก เป็นตลาดที่มีผู้แข่งขันน้อยราย ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1)รังนกแปรรูป 2) รังนก
แห้งสำเร็จรูปที่ยังไม่ผ่านการแปรรูป โดยผู้ซื้อจะนำไปแปรรูปทำรังนก ซึ่งที่กัมพูชาจะมีอยู่ที่ จ.กัมปอต และสีหนุวิลล์ ที่มีชื่อเสียงในการผลิตรังนกเพื่อจำหน่าย โดยมีกลุ่มผู้บริโภคทั้งชาวกัมพูชา เวียดนาม และจีนที่เข้ามาทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดกัมพูชา และใช้เส้นทางการขนส่งจากกัมพูชาขยายตลาดไปยังประเทศเวียดนามและจีนได้
- ในกัมพูชา จะนำน้ำตาลจากต้นปาล์มมาทำเป็นน้ำผึ้งและไซรัป โดย 1ลิตร สามารถขายได้
ประมาณ 600-700 บาท ซึ่งถือว่าราคาขายค่อนข้างสูง เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักธุรกิจไทยในการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว